วันนี้ขอพาไปชมงานพิพิธภัณฑ์ซึ่งแตกต่างไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นที่เคยลงมาในเว็บกันหน่อยครับ เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นนอกจากจะจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการจารกรรมหรือการเป็น spy รวมไปถึงอุปกรณ์ในการล้วงข้อมูลต่างๆแล้ว ผู้เข้าชมสามารถทำกิจกรรมเกี่ยวกับการจารกรรมและทดสอบความสามารถในการเป็น spy ของตัวเองได้อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ Spyscape แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง New York ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ David Adjaye โดยพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ขนาดประมาณ 6,000 ตารางเมตรนี้อยู่ตรงชั้นล่างของตึกสูง ซึ่งดูภายนอกแล้วอาจจะไม่รู้เลยว่าอันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ (ทำกลมกลืนได้แนบเนียนมากแทบหาไม่เจอ สมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ spy) บรรยากาศภายในก็จะเป็นโทนสีเทาๆ ดำๆ แบบอึมครึม ลึกลับ แต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปชมรูปกันเลยครับ
ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนถนน 8th Ave. ตรงที่มีป้ายเล็กๆตรงหัวลูกศรน่ะครับ
เข้ามาถึงจะเจอโถงที่เป็นสเปซสูงสองชั้นขึ้นไปให้เห็นข้างบนได้เล็กน้อย เขาจะตรวจกระเป๋าตรงนี้ ถ้าเรามีของเยอะเขาก็มีล็อกเกอร์ให้ใช้ได้ฟรี
ตรงล็อบบี้ที่ซื้อบัตร ตรงนี้เขาจะให้สายรัดข้อมือซึ่งเป็นเหมือนไอดีของเรา ไว้ใช้สแกนตรงเครื่องเล่นต่างๆภายใน
เมื่อซื้อบัตรแล้วก็จะต้องมารอที่โถงลิฟท์ ซึ่งลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอันหนึ่ง มีพื้นที่ถึง 35 ตารางเมตร ระหว่างที่รอลิฟท์ เราสามารถสแกนสายข้อมือกับเครื่องที่เป็นแท่งสูงๆตั้งอยู่หน้าลิฟท์ เพื่อที่จะทำการเริ่มทดสอบความสามารถในการเป็น spy ของเรา โดยเขาจะถามคำถามไปเรื่อยๆ เช่น “คุณสามารถทำทุกวิถีทางให้งานคุณสำเร็จได้ ถึงแม้วิธีที่ใช้นั้นจะผิดคุณธรรมก็ตาม?”
เขาทำเป็นผนังกระจกให้มองเห็นตัวเครื่องกลของลิฟท์ขณะขึ้นลงได้
พอเข้ามาข้างใน ผนังลิฟท์นั้นจะเป็นจอซึ่งพูดถึงเรื่องราวที่ว่าในชีวิตประจำวันของเรานั้น เราอาจจะถูกสอดแนมอยู่ได้ตลอดเวลาด้วยวิธีใดวิธีนึง ง่ายๆสุดเลยคือการถูกดักฟังโทรศัพท์มือถือของเรานี่เอง
พอลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นสองก็จะเจอส่วนที่เป็นบริเวณขายของที่ระลึก ซึ่งเพดานตรงส่วนนี้ทำเป็นท่อที่มีไฟส่องลงมา แต่มีการเล่นสลับไฟให้ดูมีการเคลื่อนไหว
สังเกตดีๆจะเห็นว่ามีหัว sprinkler แอบทำเนียนอยู่ร่วมกับโคมไฟ
โถงแรกจะเป็นกล้องที่มีโลโก้พวก social media ต่างๆติดอยู่
ประมาณว่าพวก facebook, twitter, instagram, google ต่างๆเหล่านี้ก็แอบสอดส่องชีวิตของเราอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
เขาออกแบบให้ผนังมีหลายระนาบลดหลั่นกันไป ทำให้ดูเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ด้านหลัง
มองย้อนลงกลับไปตรงโถงทางเข้า
ถัดมานี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเข้ารหัสซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการทำสงคราม
ตรงนี้พูดถึงคนสำคัญที่มีส่วนช่วยให้อเมริกาและอังกฤษชนะสงครามโลกครั้งที่สองได้ นั่นคือ Alan Turing ถ้าใครสนใจเรื่องของเขา ลองดูหนังเรื่อง The Imitation Game ครับ
พวกของที่เอามาให้ดูในนี้ก็เป็นของมาจากในหนัง ไม่ใช่ของจริง
เครื่อง Enigma จำลองที่สามารถลองกดใช้ดูได้
อันนี้เป็นเครื่องถอดรหัสที่ Turing และทีมสร้างขึ้นมา ซึ่งบ้างก็ว่าเป็นต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่เครื่องแรกของโลก
ขั้นตอนการเข้ารหัสและถอดรหัส
โต๊ะตรงนี้เป็นบริเวณที่ให้คนมาลองเล่นถอดรหัสดู
ถัดมาเป็นโซนที่เกี่ยวกับการโกหกครับ ตรงนี้จะเป็นห้องเล็กๆหลายๆห้อง
ภายในเขาจะให้เรานั่ง แล้วบอกว่าคนที่พูดโกหกจะมีลักษณะอย่างไร แล้วบอกให้เราลองโกหกดู โดยเขาจะมีกล้องจับเราว่าเรามีพิรุธหรือเปล่าตอนเราพูดโกหก และก็จะมีคำถามให้เราจับตาดูว่าใครพูดจริงหรือโกหก ถ้าตอบถูกก็จะได้คะแนนสะสม
ต่อมาเป็นเรื่องราวระหว่าง KGB ซึ่งเป็นสายลับฝ่ายรัสเซีย กับ FBI ฝ่ายอเมริกา
ตรงนี้เขามุ่งไปที่นาย Robert Hanssen ซึ่งเป็นคนอเมริกันทำงานใน FBI แต่ในขณะเดียวกันก็รับจ็อบเป็นสายลับให้รัสเซียไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสายลับที่ทำความเสียหายให้กับทางอเมริกามากสุดคนนึง เพราะพวกที่เป็นสายให้กับทางอเมริกาในรัสเซียโดนเก็บไปหลายคน เพราะ Hanssen ส่งข้อมูลให้
อันนี้เขาก็มีเอาไปทำเป็นหนังเหมือนกัน เรื่อง Breach ถ้าสนใจลองไปหาชมกันนะครับ
Timeline ชีวิตของ Robert Hanssen เป็นสปายอยู่รอดมาได้หลายปีมาก แต่สุดท้ายโดนจับได้ เพื่อให้รอดโทษประหารชีวิต เลยสารภาพ แต่ก็ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิตแบบไม่มีการลดหย่อนใดๆ
ถัดมาเป็นห้องโถงกลมๆ
ภายในเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการตรวจตรา (surveillance) โดยภายในจะเป็นจอ LED ล้อมรอบทั้งห้อง และแสดงภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานที่ต่างๆ (ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพถ่ายทอดสดของจริงหรือเปล่า) ตรงนี้มีการพูดถึง Snowden คนอเมริกันที่เอาความลับของ CIA มาเปิดเผยว่ารัฐบาลนั้นกำลังแอบฟังแอบสอดแนมประชากรทุกๆคนอยู่โดยที่เขาไม่รู้ตัว ตอนนี้ Snowden ก็เลยกลายเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ที่รัสเซีย
นี่คือแผนผังว่ารัฐบาลอเมริกาและประเทศแนวร่วม แอบฟังประชาชนยังไง
ถัดมาเกี่ยวกับการ Hack!
บริเวณนี้จะพูดถึง Hacker ที่มีชื่อเสียงหลายๆคน
หน้ากากตรงนี้มาจากเรื่อง V for Vendetta เคยดูมานานแล้วครับ แต่จำไม่ได้ว่ามันเกี่ยวกับ hacker ยังไง
วิธีที่จะป้องกันตัวเองจากการโดน Hack
มาถึงส่วนที่สนุกที่สุดของที่นี่ ตรงนี้เป็นห้องที่จะมีแสงเลเซอร์ที่เป็นเซ็นเซอร์ เราจะต้องเดินผ่านไปโดยไม่ให้โดนแสงพวกนี้ และก็กดปุ่มที่อยู่บนผนังเพื่อเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด
โถงรอก่อนเข้าห้อง
บรรยากาศในห้องคล้ายๆกับในหนังพวกนักสืบ สายลับต่างๆน่ะครับ
คนที่รอคิวอยู่ข้างนอกจะสามารถเห็นตอนที่เราเล่นอยู่ได้ว่าได้คะแนนเท่าไร
โถงถัดมาเกี่ยวกับ Special Ops อย่างการไปเป็นสายลับอยู่ในดินแดนของศัตรู
สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ อย่างกับซากหนูตายที่เป็นกับระเบิด
ห้องสุดท้ายจะเป็นห้องประเมินผลว่าเราสามารถเป็นสายลับได้ระดับไหน
ทางออกไปสู่ร้านขายของ
บรรยากาศภายในร้านขายของที่ระลึก
มีคาเฟ่เล็กๆให้นั่งพักจิบกาแฟได้ด้วย
ด้านล่างตรงใกล้ๆโถงทางเข้าก็มีร้านหนังสือที่เกี่ยวกับสปาย และหนังสือหายากต่างๆ
ถือว่างานนี้เป็นอีกงานที่น่าสนใจทีเดียวครับ งานออกแบบสเปซ โทนสี และวัสดุที่ใช้ ทำได้เรียบง่าย แต่ดูลึกลับและน่าค้นหาดี ถ้าท่านใดแวะมาที่นิวยอร์คและมีความสนใจเกี่ยวกับสปาย น่าจะลองมาแวะชมครับ
ใน gallery ข้างล่างมีรูปเพิ่มเติมมากมาย ลองดูกันได้ครับ ส่วนท่านที่สนใจรูปถ้ายแบบมือโปร กับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานนี้ สามารถดูได้ ที่นี่ ครับ